ในขณะที่แม่น้ำโขงเป็นสายน้ำหลักฝั่งตะวันตกของประเทศลาว ไหลผ่านปากแบง ปากอู ไปที่หลวงพระบาง กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดินทางสายหลักของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในการเดินทางสู่หลวงพระบาง และในฝั่งตะวันออกก็มีแม้น้ำ ซึ่งต้นกำเนิดอยู่เหนือสุดของประเทศลาวที่แขวงพงสาลี เส้นทางน้ำฝั่งตะวันออกเป็นเส้นทางสำคัญในการติดต่อสื่อสารไปมาหาสู่กันในอดีต ระหว่างเมืองพงสาลี เมืองขัว หลวงพระบาง เส้นทางทางน้ำทางฝั่งน้ำอู เป็นเส้นทางที่นับวันจะมีความสำคัญน้อยลง เพราะคนลาวไม่ชักไม่ค่อยนิยมนั่งเรือเหมือนสมัยก่อน แต่หันมานั่งรถยนต์แทน เพราะว่าราคาถูกกว่ากันมาก ดังนั้นก่อนที่จะไม่มีใครได้มีโอกาสได้ล่องเรือเส้นทางนี้อีก Hotsia.com เองขอเป็นนักท่องเที่ยวชุดเกือบสุดท้าย ที่จะถ่ายทอดบรรยากาศริมน้ำอูให้รู้กันไปทั่วโลกครับ
เรือที่ใช้ในน้ำอูมีสองแบบ แบบแรกคือเรือยนต์ที่ผมใช้ล่องจากหาดสามาเมืองขัว แบบนี้จะใช้เครื่องคูโบต้าของญี่ปุ่น คนขับบังคับด้านหน้าด้วยพวงมาลัย เรืออีกแบบที่ผมเห็นเป็นเรือชาวบ้านใช้พายไปหาปลากลางแม่น้ำอู เป็นเรือขุดจากต้นไม้ทั้งต้น เรือขุดแบบนี้หาแทบไม่ได้แล้วในประเทศไทยสมัยนี้ เพราะว่าทำยากจะหาต้นไม้ใหญ่ๆมาขุดเป็นเรือไม่คุ้มเอาไม้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ที่ลาวผมเห็นเรือก็เป็นเรือขุดทั้งนั้น ป่าไม้ของเมืองลาวนี่มากจริงๆ ล่องเรือดูวิถีคนริมอูแล้วนึกถึงเมืองไทยในอดีต 20-30 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่ผมเป็นเด็กใช้ชีวิตที่บางบ่อ พายเรือไปโรงเรียน อาบน้ำคลอง ถึงกระนั้นผมเกิดมาก็ยังไม่ได้เห็นเรือขุดแบบนี้อยู่ดีครับ
แม่น้ำอูช่วงต้นน้ำแบบนี้ สองฝั่งเป็นโขดหินเพราะสองฝั่งจะเป็นภูเขาหินสูงๆตลอด บางครั้งก็จะผ่านหาดทรายบ้าง ช่วงที่เป็นทรายก็จะมีชาวบ้านไปตั้งหมู่บ้านอยู่กัน ช่วงที่เป็นหินบางช่วงกว้างบางช่วงแคบมาก เมื่อแคบน้ำอูก็จะแรงเรือที่ผ่านไปก็ต้องใช้ความเร็วเพิ่มเพื่อบังคับไม่ให้ชนหิน เรือจะขับเฉียดๆหินในหลายๆจุด นอกจากการลุ้นในเรื่องของการขับเฉียดหินแล้ว น้ำอูยังมีหลายจุดที่น้ำต่างๆระดับ ก็คือแก่งใหญ่ๆของน้ำอูนั่นเองครับ แก่งเหล่านี้ยิ่งสนุกเพราะเรือจะยวบตัวลงตามระดับของสายน้ำอูที่ถูกทิ้งในแก่ง น้ำจะกระจายเปียกผู้คนในเรือบ้างบางครั้ง นี่คือความสนุกสนานและคือเสน่ห์ของการล่องน้ำอูครับ
เห็นผมบรรยายถึงเรื่องแก่งน้ำอูแล้วไม่ต้องตกใจ เพราะเจ้าของเรือที่ขับเรือนั้น ผมว่าเขาเป็นมืออาชีพจริงๆ คนขับเรือจะมีประสบการณ์อย่างดีรู้ว่าจุดไหน ผ่านได้ จุดไหนหินใต้น้ำสูง เขาดูที่ผิวน้ำก็จะรู้ว่าตรงไหนผ่านสะดวก ตลอด 6 ชั่วโมงจากหาดสาไปสู่เมืองขัว ผมไม่เห็นเรือเกยหินสักครั้งเดียว ดังนั้นสบายใจได้เรื่องความปลอดภัยครับ
ในช่วงที่น้ำเรียบๆ ก็จะเห็นชาวบ้านริมน้ำอู เอาตาข่ายมาดัก เอาเบ็ดมาลงใต้น้ำ หาปลาน้ำอูเอาไว้กินบ้างขายบ้าง น้ำอูนี้ใช่ว่าจะหาปลาได้ตลอด มีเฉพาะช่วงฝนตกใหม่ๆแบบนี้ ปลาจะดีใจได้เล่นน้ำฝนไหว้เล่นน้ำไปแบบไร้ทิศทาง ชาวบ้านถึงจะได้ปลาตัวโตๆแบบที่เห็นในรูป หากช่วงปกติจะได้ปลาตัวเล็กๆ ในหน้าน้ำมากๆของน้ำอูช่วงปลายฝน จะเป็นช่วงที่คนริมอูหากุ้งน้ำอู ซึ่งเป็นกุ้งที่อร่อยและตัวโต ชาวริมอูรู้กันดี และรอวันเวลาที่จะจับกุ้งกันทุกปี ช่วงที่ยังไม่ใช้หน้ากุ้งเขาก็จะสานลอบดักกุ้งกันไว้รอครับ
เมื่อเรือผ่านไปตามหมูบ้าน ชาวบ้านจะโบกมือเพื่อขายปลาให้คนขับเรือ คนขับเรือจะรับซื้อเพื่อที่จะเอาไปขายให้ร้านอาหารที่เมืองขัว ปลาที่ซื้อจากชาวบ้านเขาจึงร้อยเหงือกผูกเชือกไว้ในน้ำอู เวลาขายก็จะเอาตาชั่งโบราณ ที่เป็นลูกตุ้มถ่วงมาชั่งขาย ในเมืองไทยผมไม่ได้เห็นตาชั่งลูกตุ้มถ่วงแบบนี้นานมากแล้วครับ เมื่อเรือจอดการแสดงโชว์ของเด็กๆก็จะเริ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการโดดน้ำและวิ่งเล่นทรายโชว์ หลายหมู่บ้านที่เรือไม่แวะไปเด็กๆก็จะโบกมือทักทายเรือเราที่ผ่านเสมอ นึกภาพดูว่าไม่ทุกวันที่จะมีเรือแบบนี้ผ่าน และหากมีก็วันละไม่เกินสองครั้งก็ต้องทักทายกันหน่อยครับ 🙂
การล่องน้ำอูยังได้เห็นน้ำตกเล็กๆไหลลงมายังแม่น้ำอู ดูแล้วช่างธรรมชาติมากๆ วิถีคนริมน้ำอูยังคงใช้น้ำ อาบน้ำอูกันอยู่ ถึงช่วงเวลายามเย็นก็พากันมาอาบน้ำแม่น้ำอูกันครับ ทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ คนลาวยังคงใช้ชีวิตติดกับสายน้ำเหมือนคนไทยในต่างจังหวัดบางที่ วิถีคนริมอูเรียบง่าย อีกอย่างเขาไม่มีฟ้าใช้กันมืดก็ทำอะไรลำบากนอกจากนอน จะมีบ้างบางหมู่บ้านที่ทำไฟฟ้าพลังอูใช้กันเอง โดยใช้แรงน้ำอูหมุดใบพัดซึ่งเป็นแกนมอเตอร์ และปั่นไฟต่อสายขึ้นจากน้ำอูไปยังหมู่บ้าน หากหมูบ้านใหญ่ก็หลายตัวหน่อยครับ ผมผ่านไปและคิดว่าอีกไม่นานผมจะมาพักที่บ้านชาวบ้านริมอูสักครั้ง
อีกอยากที่ผมเห็นบ่อยที่ริมแม่น้ำอูคือ “ควายเผือก” ชาวบ้านริมแม่น้ำอูจะเลี้ยงควายแบบปล่อยไปตามป่า ตามสวน ริมน้ำเองควายก็จะมาแช่น้ำอู ซึ่งเท่าที่ผมเห็นนะทุกๆฝูงจะมีควายเผือก ผมว่าหาได้ยากในไทย หรือใครที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดแล้วมีมากก็บอกด้วยนะครับ
ชมวิวล่องแก่งถ่ายรูปดูเขาจับปลาพักเดียวก็มาถึงเมืองขัวแล้ว เมืองขัว(Muang Khua) เป็นเมืองทางผ่านที่จะไปผ่านด่านเดียนเบียนฟู เข้าสู่ประเทศเวียดนาม ที่เมืองขัวนี้มีทั้งคนจีนและคนเวียดนามมาทำธุรกิจที่นี่ เมืองขัวเป็นเมืองเล็กๆ มีที่พักริมน้ำอู และเกรสเฮาส์กลางหมู่บ้านราคาไม่แพง ที่นี่มีธนาคารเล็กๆให้แลกเงินไทยและดอลล่าได้ด้วย ที่เมืองขัวจะมีไฟฟ้าปั่นจะจ่ายไฟช่วง 18.30 น. ถึงแค่ 22.00 น. จากเมืองขัวนั่งรถไปด่านเดียนฟูไปทางตะวันออกระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร
ผมเดินทางมาถึงเมืองขัวช่วงบ่ายโมงครึ่งเห็นฝรั่งชุดหนึ่งกำลังจะลงเรือไปเมืองงอย จึงตัดสินในซื้อตั๋วจากเมืองขัวไปเมืองงอยต่อเลยครับ รีบซื้อตั๋วรีบไปซื้อขนมและผลไม้และกระโจนขึ้นเรือคนสุดท้ายไปเมืองงอยต่อ ค่าเรือจากเมืองขัวไปเมืองงอยราคาคนละ 400 บาท เรือใช้เวลา 5 ชั่วโมง ผมออกจากนี่บ่ายสองช่วงมืดๆคงถึงเมืองงอย ทริปหน้ามาดูวิวสวยๆก่อนถึงเมืองงอยช่วงหัวค่ำกันว่าเป็นอย่างไรครับ ….Mr.Hotsia พ.ค. 2553