เมืองด๊ากจึง เซกอง

เมืองดากจึง(ดากจึง,ดั๊กจึง,ด๊ากจึง)
เมืองด๊ากจึงเมืองชายแดนเวียดนาม อยู่ที่แขวงเซกอง แขวงเซกองหรืออีกชื่อคือเมืองละมาน เมืองด๊ากจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งซึ่งจะเป็นเมืองเอกของเซกองในอนาคต เมืองด๊ากจึงมีข้อมูลในเน็ตน้อยมาก แค่ชื่อก็ยังสับสนเสียแล้วว่าจะชื่ออะไรกันแน่ ระหว่าง ดั๊กจึง ดากจึง ด๊ากจึง ดักจึง ผมก็ไม่รู้จะเรียกคำไหน หลังจากผมหาข้อมูลจากวิกิพีเดียว ที่มีคนพูดถึงภาษาด๊ากกัง ที่เป็นภาษาประจำเผ่าเตรียง ชาวเตรียงที่มีอยู่มากที่แขวงเซกอง โดยเฉพาะเมืองด๊ากจึง ดังนั้นน่าจะใช้คำว่า “ด๊ากจึง” ครับ เพราะว่าคำว่าด๊ากเป็นภาษาเตรียง(อ่านว่าตะ-เหรียง) แปลว่าน้ำ แม่น้ำในเวียดนามหลายสายผมก็เห็นขึ้นต้นด้วยคำนี้ อาจมีที่มาจากเป่าเตรียงก็ได้

เมืองด๊ากจึงอยู่ห่างจากเมืองตะมานแขวงเซกองประมาณ 100 กิโลเมตร (ดูการเดินทางไปเมืองด๊ากจึง) การเดินทางสมัยก่อนต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะเข้าถึงเมืองนี้ได้ แต่ทุกวันนี้ทำถนนใกล้เสร็จแล้ว ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง หน้าฝนไม่จำเป็นอย่าไปเด็ดขาดใช้เวลาเป็นวันหรือไม่ก็ต้องนอนกลางป่า หรืออาจลื่นตกเขาตายก็ได้

เมืองด๊ากจึงได้ถูกวางไว้ให้เป็นเมืองเอกของเซกอง เป็นเส้นทางที่จะไปเวียดนามได้เร็วที่สุด ไปเข้าเวียดนามไปยังดานัง ไม่ต้องขนของทางเรือมาที่ท่าเรือคลองเตยก็ใช้เส้นทางนี้ทะลุผ่านจากอุบลมาเซกอง มาด๊ากจึง เข้าดานังประเทศเวียดนาม ระยะทางจากชายแดนช่องแมกอุบลราชธานีไปถึงเมืองดานังเวียดนามผ่านเส้นทางนี้ระยะทางตรงเพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น

ดังนั้นทางประเทศลาวเขาจึงได้มีการสร้างเมืองขึ้นมาที่นี่โดยทางประเทศเวียดนามมาสร้างให้เป็นเขื่อน เป็นแหล่งท่องเที่ยว และจะให้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการไปเมืองดานังที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งครับ และเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมาด่านตรงเมืองด๊ากจึงไปทางชายแดนเวียดนามชื่อว่า “ด่านตะออ” ได้ถูกเปิดเป็นด่านสากลเรียบร้อยแล้ว มี passport ก็สามารถไปเที่ยวเวียดนามเส้นทางนี้ได้เลย

สำหรับการท่องเที่ยวที่เมืองด๊ากจึงมีทั้งการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ น้ำตกทั้งที่ค้นพบแล้ว และน้ำตกที่ยังไม่พบผมว่าน่าจะมีอีกเยอะ เพราะเมืองนี้พึ่งถูกเปิดมาไม่นานนี้เอง ผมมาเที่ยวที่เมืองด๊ากจึง มีตำรวจลาวเรียกตัวตรวจหนังสือเดินทางและเสียค่าทำเนียบ 20 พันกีบ และยังได้แนะนำว่าหากจะเที่ยวถ่ายรูปในเมืองด๊ากจึงต้องไปขออนุญาตที่ห้องการโฆษณาและวัฒนธรรมของเมืองด๊ากจึงก่อน ผมก็ทำไปตามขั้นตอนทันที ทางหัวหน้าหน่วยงานโฆษณาได้กรุณาจัดคนพาผมไปเที่ยวชมบ้าน “ชนเผ่าเตรียง” ต้องขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้

นอกจากที่ท่องเที่ยวแบบชนเผ่าแล้ว ไปที่ชายแดนก็มีจุดซื้อขายของ แต่ผมไม่ได้ไปชมนะ มีเขื่อนเซตะมานที่เวียดนามมาสร้างให้เป็นที่ท่องเที่ยวได้ เมืองด๊ากจึงมีบ้านชาวบ้านที่เปิดเป็นที่พักอยู่ที่เดียว ที่พักคืนละ 100 บาท ส่วนร้านอาหารก็มีร้านขายเฝ๋อ อาหารตามสั่งแถวๆตลาดมีข้าวให้กินด้วย เพราะว่าเผ่าเตรียงเนี่ยเขากินข้าวเจ้าไม่ได้กินข้าวเหนียวแบบคนลาวลุ่ม ผมจึงได้กินข้าวจ้าวแบบชาวเตรียงที่เหมือนข้าวญี่ปุ่นด้วยครับ

ถนนที่สร้างจากเมืองตะมาน(เซกอง) ไปด๊ากจึงจะเสร็จปี 2016 เมื่อถึงเวลานั้นเมืองด๊ากจึงจะกลายเป็นเพชรนำดีของการท่องเที่ยวเหมือนช้างเผือกที่อยู่ในป่า แต่สำหรับผม ผมเลือกที่จะเที่ยวก่อนที่ถนนจะเสร็จ ได้บรรยากาศแบบสุดยอด เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านเตรียงที่ไม่เคยมีนักท่องเที่ยวมาถึงก่อนเลยสักคนเดียว mr.hotsia ธันวาคม 2553