โกลกาตา (Kolkata) หรือชื่อเดิม กัลกัตตา (Calcutta) เป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำฮูคลี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้มีจำนวนประชากร 4,580,544 คน (พ.ศ. 2544) ซึ่งหากนับรวมในเขตเมืองรอบนอกด้วยก็จะมีจำนวนมากกว่า 14 ล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นกลุ่มเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ
โกลกาตาเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ จึงทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง (จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2454 ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปนิวเดลี) โดยถือเป็นเมืองหนึ่งที่มีระบบระบายน้ำเก่าแก่ที่สุดในโลก ด้วยมีอายุกว่า 150 ปี อย่างไรก็ตาม โกลกาตาประสบกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปีหลังจากอินเดียได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2490 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา การฟื้นฟูและการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้นำไปสู่ความเจริญเติบโตของเมืองอย่างเต็มที่ แต่ก็เช่นเดียวกับเมืองใหญ่แห่งอื่น ๆ ในอินเดีย โกลกาตาต้องเผชิญกับปัญหาเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน ปัญหามลภาวะ ปัญหาการจราจรติดขัด เป็นต้น นอกจากนี้ โกลกาตายังมีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์การปฏิวัติ ตั้งแต่การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย ไปจนถึงขบวนการฝ่ายซ้ายและสหภาพการค้าต่าง ๆ อีกด้วย
เป็นไปได้ว่าชื่อโกลกาตาและ “กัลกัตตา” นั้นอาจจะมาจาก กาลิกาตา ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านสามแห่ง (กาลิกาตา สุตนุติ และโคพินทปุระ) ในพื้นที่แถบนี้ก่อนการเข้ามาของอังกฤษ ซึ่งสันนิษฐานว่า “กาลิกาตา” นั้นเป็นรูปในภาษาอังกฤษของคำว่า กาลีเกษตร (“ดินแดนของพระแม่กาลี”) หรือมาจากคำในภาษาเบงกาลีว่า กิกิลา (“ที่ราบ”) หรืออาจมีต้นกำเนิดจากคำพื้นเมืองที่ใช้เรียกชื่อคลองธรรมชาติสายหนึ่ง คือ คาล ตามด้วย กัตตาแม้ว่าในภาษาเบงกาลีซึ่งเป็นภาษาของท้องถิ่นจะเรียกชื่อเมืองนี้ว่า “โกลกาตา” มาตลอด แต่ชื่อภาษาอังกฤษของเมืองก็เพิ่งถูกเปลี่ยนจาก “กัลกัตตา” เป็น “โกลกาตา” ตามการออกเสียงในภาษาดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2544 นี้เอง บางคนมองว่านี่เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวเพื่อลบล้างสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดจากการปกครองของอังกฤษ
มินเตอร์ฮ๊อตเซียเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียจากกรุงเทพฯ มายังโกลกาตา (Kolkata) จองที่พักผ่านอินเตอร์เน็ตมาก่อนพักในเมือง 3 คืน และขากลับจากอัสสัมพักอีกหนึ่งคืนสรุปผมพักในโกลกาตา (Kolkata) 4 คืน เพียงพอที่จะเล่าให้ฟังว่าเมืองนี้มีความเป็นอยู่กันอย่างไรในสายตาของผมมิสเตอร์ฮ๊อตเซีย เที่ยวสะใจ
มีคนนอนและใช้ชีวิตริมถนนจริง ก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศอินเดียมีเพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่าที่ประเทศอินเดียมีคนนอนตามริมถนนหนทางดูไม่สะอาดตาเมื่อผมเดินทางมาถึงโกลกาต้าก็เจอจริงๆครับ การอาศัยอยู่ริมถนนถือเป็นเรื่องปกติของชาวอินเดียในเมืองนี้ เขากิน นอน อาบน้ำ ให้นมลูก เลี้ยงเด็ก ทุกๆกิจกรรมทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะหรือร้องไห้เราสามารถพบได้ที่ริมถนนนี่คือโกลกาต้า แต่ไม่ได้มีทั้งเมืองทุกๆที่ เขาแบ่งเป็นโซนให้คนสามารถพักนอนริมถนนได้ ดูเหมือนความสุขหาได้ทั่วไป ตามท้องถนนที่คนแวะกินชาแก้วเล็กๆ ก็พูดคุยหัวเราะทักทายกัน การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เขาไม่รู้สึกแตกต่างกับคนที่อยู่ตึกสูง
มีร้านนวดและสปาแบบไทย เท่าที่เห็นประมาณ 5 ร้าน ผมลองดูร้านสปาที่เขาได้ครูและแบบอย่างจากไทย เราก็แอบบภูมิใจว่าดังมาถึงที่นี่ ราคาสปาและนวดใจโกกาต้า ประมาณชั่วโมงละ 2000 บาท และดูเหมือนว่าไม่แพงสำหรับคนที่มาใช้บริการในเมืองนี้ นวดไทยดังแต่ราคาแพง สาวๆ ที่ผมทำงานมาจากทางเหนือแถวๆตะวันออกของอินเดีย
อาหารข้างถนนกินมือเป็นเสน่ห์ที่หาได้ในเมืองนี้ กินไปฟังเสียงแตรรถดังระงมตลอดเวลา อาหารเหมือน้าวราดแกงแต่ทุกอย่างใส่เครื่องเทศ ในเมืองนี้มีร้านกาแฟสดติดแอร์อยู่นะแถวๆ ย่านที่ผมพัก ผมพักที่โรงแรม Hotel Victerrace ราคาคืนละประมาณ 1000 บาท จากที่พักเดินไป Victoria Memorial จะผ่านร้านกาแฟสด แต่จงจำไว้ว่าร้านอาหาร ร้านกาแฟ ในเมืองโกลกาต้า จะเปิดเที่ยงหรือบ่ายโมงเป็นส่วนใหญ่ อย่างเก่งอย่างเร็วก็ 11.00 น. และจะปิดดึก คิดจะหาอะไรกินยามเช้ามีแต่ชา จะหากาแฟสดนั่งจิบริมถนนยามเช้าอย่าได้คิด
ผมแนะนำให้จองโรงแรมมาก่อนเดินทางมาถึง เพราะการเดินหาไม่ใช่เรื่องง่ายนัก นั่ง Taxi ที่นี่มีค่าใช้จ่ายโดนเรียกราคาแพงเกินจริงได้ ก็จะเป็นให้ใช้บริการอูเบอ(Uber Taxi) ที่เป็นที่นิยมในอินเดีย อินเตอร์เน็ต wifi ในอินเดียตามโรงแรมมีแต่ไม่เร็วเท่าซิม 3G ที่ซื้อจากสนามบินมาเลยดีที่สุดหากมีขาย เพราะยากที่จะเดินหาซื้อกว่าจะเจอแบบผม
ที่ท่องเที่ยวในเมืองผมไม่เน้น เน้นชมวิถีชีวิต แต่ก็มีที่คนนิยมไปทั้งนักท่องเที่ยว(น้อย) และชาวอินเดีย คือ victoria memorial เป็นอนุสรณ์สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ก่อตั้ง 1921 อนุสรณ์วิคตอเรียเป็นอาคารหินอ่อนขนาดใหญ่ในโกลกาตา รัฐเบงกอลตะวันตกอินเดีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1906 และปี 1921 เพื่อความทรงจำของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย (1819-1901) ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว ผมไม่ได้เข้าไปด้านในแค่อยู่ด้านหน้าถ่ายรูป แถวด้านหน้ามีม้าให้บริการนักท่องเที่ยวนั่งชมเมืองด้วยแต่ผมไม่ได้ถามราคา mr.hotsia เที่ยวสะใจ