เป็นตลาดเล็กๆ ที่อยู่ด้านริมของถนนสายหลักที่พาดผ่านเมืองขึ้นสู่ด้านเหนือ ผมมาเจอตลาดนี้เอาวันก่อนสุดท้ายตอนที่ทำใบเพื่อผ่านแดนไปยังรัฐสิกขิม ตัวตลาดอยู่ติดติดกับคิวรถเดินทางระหว่างเมือง ย่านนี้มีทั้งของสดและของแห้งร้านค้าทั่วไปมากมายเป็นแหล่งที่ชาวบ้านอยู่อาหารการกินหลากหลายเป็นโซนที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมานัก mr.hotsia เที่ยวสะใจ
ผมเดินทางจากโกลกาต้าด้วยเครื่องบินยัง Bagdogra Airport เมือง Siriguri จากสนามบินจะมีรถจิ๊บ Taxi ทั้งเหมาและแชร์ไปสู่ดาจีริง หรืออาจนั่งรถยนต์จากโกลกาต้ามายังสิริกูรีหรือทางรถไฟก็ได้ ผมไม่เคยลองแต่มีข้อมูลว่าสามารถเดินทางได้ นิดนึงครับการเดินทางขึ้นดาร์จีลิงทางรถยนต์ควรให้รถท้องถิ่นที่ชำนาญเพื่อความปลอดภัย หรือไม่ก็นั่งรถไฟขึ้นไปครับ mr.hotsia เที่ยวสะใจ
แนะนำโรงแรมในดาร์จีลิ่ง อินเดีย ตอนที่ผมไปเที่ยวผมพักที่โรงแรม Dekeling Hotel ราคาที่แจ้งใน google map คืนละ 2,200 บาท แต่ราคาในหน้าฝน walk in เข้าไปคืนละ 800 บาทเท่านั้น โรงแรมอยู่ติดกับโซนนักท่องเที่ยวเดินเล่น KFC, ร้านกาแฟ โบสถ์และลานกลางแจ้งที่ชาวเมืองชอบไปนั่งเล่นก็อยู่แถวนั้นด้วย ติดตรงร้านอาหารที่มีไม่กี่ร้านแถวนั้น จริงๆ ก็ทุกแห่งในดาร์จีลิงไม่ค่อยเน้นร้านขายอาหารครับ mr.hotsia เที่ยวสะใจ
อาหารพื้นเมืองคือ MOMO เหมือนเสี่ยวหลงเปา หรือซาลาเปาหมั่นโถ มีทั้งแบบทอดและแบบนึ่ง อาหารสำหรับนักท่องเที่ยวมีร้านท้องถิ่นขายข้าวผัด ไก่มองโกล ในเมืองมีร้านไก่ทอด KFC มีร้านกาแฟสดขายขนมปัง วิวสวยๆ เมืองนี้เป็นเมืองนักท่องเที่ยวอาหารไม่ต้องห่วงครับราคารถ jeep แบบเช่าเหมาจะราคาแพงกว่าแชร์แท็กซี่ไปกันหลายคนให้เดินออกมาจากตัวอาคารสนามบินไปยังลานจอดรถ jeep และต่อรองราคาท่านจะได้ราคาที่ถูกลงอีกมาก mr.hotsia เที่ยวสะใจ
เที่ยวดาร์จีลิ่งด้วยตัวเอง ดาร์จีลิ่งเป็นเมืองและเทศบาลในอินเดียนรัฐเบงกอลตะวันตก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ที่ระดับความสูง 6,700 ฟุต (2,042.2 เมตร) เมืองนี้มีชาดังและมีทัศนียภาพที่งดงามของ มีทอยเทน(toy train) รถไฟโบราณมรดกโลก จึงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในประเทศอินเดีย สำหรับคนไทยนิยมส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ด้วยหลักสูตรที่วางรากฐานมาจากอังกฤษอย่างดี อากาศดี ส่วนใหญ่มาเน้นเรื่องภาษา เพราะที่นี่ราคาถูกกว่าที่อื่น ดาร์จีลิงมีหลายโรงเรียนสไตล์อังกฤษดึงดูดนักเรียนจากประเทศอินเดียและประเทศเพื่อนบ้านมาศึกษายังเมืองนี้ วัฒนธรรมที่แตกต่างกันของเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางด้านประชากรศาสตร์ ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่นี่เป็นเมืองอาณานิคมปกครองของอังกฤษ ดาร์จีลิงมีรถไฟเชื่อมต่อกับเมืองที่ราบ และมีบางส่วนของหัวรถจักรไอน้ำ ที่ยังคงอยู่ในบริการในประเทศอินเดียจนถึงวันนี้ ผมเองได้ไปใช้บริการรถไฟไอน้ำโบราณด้วย(ชมคลิป) ดาร์จีลิงมีสภาพอากาศ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายปีเป็น 14.9 ° C (58.8 ° F) ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 8.9 ° C (48.0 ° F) มีอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนตั้งแต่ 6-18 ° C (43-64 ° F) อุณหภูมิต่ำสุดที่บันทึกไว้คือ -5 ° C (23 ° F) ที่ 11 กุมภาพันธ์ 1905…
ตลาดเช้าโกลกาต้าเป็นตลาดที่คึกคัก จอแจ แตกต่างจากทุกตลาดที่ผมเจอมาก่อน ลีลาการแบกของเมินของบนหัวทำให้นึกถึงนครโบราณอะไรทำนองนั้น ผมไปเจอตลาดเช้าโดยไม้ตั้งใจตอนนั่งรถเมย์ไปแบบไร้จุดหมาย ผมยังประทับใจลีลาการใช้มีดทำปลาของเขาที่แตกต่างจากบ้านเรา แบบว่าเสียวบาดมือมากครับ mr.hotsia เที่ยวสะใจ
โรงแรมในโกลกาตา ผมพักที่โรงแรม Hotel Victerrace ราคาคืนละประมาณ 1000 บาท จากที่พักเดินไป Victoria Memorial จะผ่านร้านกาแฟสด แต่จงจำไว้ว่าร้านอาหาร ร้านกาแฟ ในเมืองโกลกาต้า จะเปิดเที่ยงหรือบ่ายโมงเป็นส่วนใหญ่ อย่างเก่งอย่างเร็วก็ 11.00 น. และจะปิดดึก คิดจะหาอะไรกินยามเช้ามีแต่ชา จะหากาแฟสดนั่งจิบริมถนนยามเช้าอย่าได้คิด ผมแนะนำให้จองโรงแรมมาก่อนเดินทางมาถึง เพราะการเดินหาไม่ใช่เรื่องง่ายนัก นั่ง Taxi ที่นี่มีค่าใช้จ่ายโดนเรียกราคาแพงเกินจริงได้ ก็จะเป็นให้ใช้บริการอูเบอร์แท็กซี่(Uber Taxi) ที่เป็นที่นิยมในอินเดีย อินเตอร์เน็ต wifi ในอินเดียตามโรงแรมมีแต่ไม่เร็วเท่าซิม 3G ที่ซื้อจากสนามบินมาเลยดีที่สุดหากมีขาย เพราะยากที่จะเดินหาซื้อกว่าจะเจอแบบผม การจองโรงแรมหากไม่ต้องการจ่ายเงินก่อนให้ดูของ booking.com แต่ให้อ่านเงื่อนไขดูดีๆ เพราะหากเราจองแล้วไม่ไปพักก็จะโดนหักเงินจากบัตรเครดิตได้ ทางที่ดีอ่านเงื่อนไขดีๆก่อนจอง อีกอย่างสำหรับผมการสื่อสารภาษาอังกฤษกับชาวอินเดียผมว่าฟัยากมากๆ mr.hotsia เที่ยวสะใจ
ร้านอาหารส่วนใหญเปิดบ่ายโมงและปิดเที่ยงคืน มื้อเช้าอย่างดีที่เจอคือชาริมถนนและขนมเล็กน้อย ร้านที่ผมเจอส่วนใหญ่เป็นโรตีและแกงเนื้อแกงเผ็ด เขาจะกินมือคลุกข้าว มีทั้งร้านกินข้างถนนและร้านในอาคารมีที่นั่ง โรงแรมในโกลกาตาส่วนใหญ่จะมีร้านอาหารในตัวด้วยสามารถสั่งมากินในห้องได้ mr.hotsia เที่ยวสะใจ
โกลกาตา (Kolkata) หรือชื่อเดิม กัลกัตตา (Calcutta) เป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำฮูคลี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้มีจำนวนประชากร 4,580,544 คน (พ.ศ. 2544) ซึ่งหากนับรวมในเขตเมืองรอบนอกด้วยก็จะมีจำนวนมากกว่า 14 ล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นกลุ่มเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ โกลกาตาเคยเป็นเมืองหลวงของอินเดียในสมัยการปกครองของอังกฤษ จึงทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาสมัยใหม่ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง (จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2454 ได้มีการย้ายเมืองหลวงไปนิวเดลี) โดยถือเป็นเมืองหนึ่งที่มีระบบระบายน้ำเก่าแก่ที่สุดในโลก ด้วยมีอายุกว่า 150 ปี อย่างไรก็ตาม โกลกาตาประสบกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานติดต่อกันหลายปีหลังจากอินเดียได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2490 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา การฟื้นฟูและการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้นำไปสู่ความเจริญเติบโตของเมืองอย่างเต็มที่ แต่ก็เช่นเดียวกับเมืองใหญ่แห่งอื่น ๆ ในอินเดีย โกลกาตาต้องเผชิญกับปัญหาเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน ปัญหามลภาวะ ปัญหาการจราจรติดขัด เป็นต้น นอกจากนี้ โกลกาตายังมีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์การปฏิวัติ ตั้งแต่การเรียกร้องเอกราชของอินเดีย ไปจนถึงขบวนการฝ่ายซ้ายและสหภาพการค้าต่าง ๆ อีกด้วย…
แบกเป้ตามไทพ่าเก รัฐอัสสัม อินเดีย Tinsukia (ตินซูเกีย) ห่างกูวาฮาติ 480 กิโลเมตร และห่าง อรุณาจัล 84 กิโลเมตร มีทั้งคนที่พูดภาษาฮินดี้และอัสสัม ภาษาอัสสัมคือภาษาที่พูดกันในรัฐอัสสัม เมืองนี้มีห้างสรรพสินค้าและอาคารใหม่จะถูกสร้างขึ้น เมืองนี้เป็นเมืองชา นอกจากนั้นยังมี ส้ม ขิง ผลไม้ และข้าว ผมเดินทางด้วยรถประจำทางจากเมืองมากาไรก้า และมักที่โรงแรม Hotel Center Point สามคืน ไม่ได้จองโรงแรมมาก่อน ใช้วิธีดูรายชื่อโรงแรมใน Google map และเลือกโรงแรมที่ทำเลกลางเมือง ก็ได้มาเป็นโรงแรมนี้ กลางเมือง ติดตลาด ทำเลดี ปลอดภัยดีเยี่ยม มีร้านอาหารและเป็นห้างสรรพสินค้าด้วย ในเมืองตินซูเกียผมได้เดินเล่นถนนคนเดิน เดินตลาด กินอาหารท้องถิ่น สามวันในเมืองนี้เห็นหลายอย่างของชาวอัสสัม (ชมคลิป) ผมพักที่เมืองนี้ 3 คืน เพียงพอที่จะหาข้อมูลคนไทยในเมืองนี้ได้ และผมก็เหมารถที่ติดต่อผ่านโรงแรมไปยังหมู่บ้านไทยฟาเก เพื่อตามหาคนไทย และเป็นความสำเร็จของผมที่ตามหาคนไทยในอินเดียจนพบ และได้นอน ได้เข้าครัวกินข้าวกับชาวไทยในเมืองนี้ด้วย mr.hotsia เที่ยวสะใจ