ตลาดเช้าท่าแตงแขวงเซกอง ลาว

ตลาดเช้าท่าแตงแขวงเซกอง ลาว เมืองท่าแตงขึ้นอยู่กับแขวงเซกอง เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างปากซอง เซกอง สาละวัน ที่นี่มีคนเวียดนามไปเปิดร้านหลายร้าน เมืองไม่ใหญ่มาก มีที่พักไม่กี่แห่ง ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า ราคาที่พักคืนละประมาณ 300 บาท ที่ท่าแตงยังไม่ร้อนเพราะห่างจากปากซองแค่ 30 กิโลเมตร คนเลยมาอยู่ที่นี่กันมากเพราะอากาศเย็นสบาย ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงท่าแตงช่วงเช้าได้ทันเดินเล่นตลาดเช้านิดหน่อย ตลาดเช้าไม่มีอะไรพิเศษดีอย่างเดียวคืออากาศหนาวเย็นสบายมาก เลยจากเมืองท่าแตงไปประมาณ 4 กิโลเมตรทางไปทางสาละวัน ทางซ้ายมือจะมีหมู่บ้านชนเผ่าที่เขาจัดให้อยู่ ให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวได้ แต่ผมไปแล้วไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ สู้ไปดูแบบธรรมชาติที่ไม่เคยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ดากจึงไม่ได้ สำหรับผมหลังจากเดินเล่นที่ตลาดแล้วก็มากินเฝ๋อ หาข้อมูลชวนชาวบ้านคุย แล้วขี่รถไปเที่ยวบ้านชาวเขาซึ่งห่าง 4 กิโลเมตร แล้วไปเที่ยวเมืองรอบนอกไปเรื่อยๆ ที่เมืองนี้มีตำรวจด้วยนะครับ ขี่มอเตอร์ไซค์ควรใส่หมวกกันน๊อคด้วย นอกจากกันไม่ให้น๊อคแล้วตำรวจจะได้ไม่จับ ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยยุ่งกับนักท่องเที่ยวอยู่แล้วครับ mr.hotsia ธันวาคม 2553

Read More



เจอระเบิดที่ท่าแตง แขวงเซกอง

Mr.Hotsia เจอระเบิดที่ท่าแตง แขวงเซกอง ตอนไปเที่ยวที่เชียงขวางตอนนั้นเห็นระเบิดลูกโตๆริมถนนหนทางไปหมดก็เขียนเรื่องเมืองระเบิดเชียงขวางไป ได้ไปคุยกับ uxo คนที่ทำงานกู้ระเบิดก็ตื่นเต้น มาวันนี้ไปเที่ยวที่ท่าแตง ก่อนมาได้ข่าวมาแล้วว่าที่ท่าแตงแขวงเซกองเนี่ยทำลายระเบิดไม่ถึงเป้า ตามเป้าตรวจตรวจให้ได้ 200 เอเคอร์แต่ทำได้แค่ 80 เอเคอร์ในปี 2553 ผมคิดว่าเที่ยวอยู่ในเมืองไม่ได้ไปป่าเขาคงไม่เป็นอะไรคงไม่เจอระเบิดแน่นอน มาเที่ยวที่ท่าแตงพอแดดร้อนไม่รู้ทำอะไรก็ใช้สูตรเดิมสระผมหาข่าว แต่ครั้งนี้ได้ข่าวใหญ่กว่าเดิมไม่ใช่แค่เส้นทางไปไหนไปอย่างไรธรรมดาๆ แต่เป็น “มีระเบิดอยู่หลังข้อย จั๊กบ่ฮู้ สิเฮ็ดแนวไหนดี?” สัญชาติญาณไทยมุงในสายเลือดออกมาทันทีเลยครับ ตามไปดูไปถ่ายคลิปมาให้ชมกัน ก็ไม่รู้ว่าเป็นระเบิดรุ่นไหน อย่างไร แต่น่าจะเป็นระเบิดครับ ผมก็แนะนำให้เขาไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านป่านนี้คงแจ้งไปแล้วมั้ง จากการพูดคุยทราบว่าที่ท่าแตงนี้เป็นพื้นที่ที่มีระเบิดมาก และได้รับการตรวจทำลายไปเฉพาะโซนหน้าบ้านส่วนหลังบ้านยังไม่ได้ตรวจทำลาย เมื่อมีอะไรไปโดน วัวบ้าง ไก่บ้าง ก็โผล่ขึ้นมาได้ ผมได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่ทราบว่าปี่ 2553 ก็มีคนโดนระเบิดหลายคน แต่ส่วนใหญ่เกิดตอนไปขุดไร่นา หรือปลูกยางไปเจอก็ตูม บาดเจ็บตายไป ดังนั้นใครมาเที่ยวลาวอย่าเที่ยวไปเดินในที่ที่เขาไม่ได้ผ่านการตรวจนะอาจเจอดีได้ เราก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าตรงไหน เอาเป็นว่าตรงไหนมีคนเที่ยวคนเดินแล้วก็ไปตามนั้น ไปตามป่าแวะฉี่ห้องน้ำไม่ต้องอายมากเข้าไปลึก เดี๋ยวตูมเลยครับ mr.hotsia ธันวาคม 2553

Read More



เดินทางเซกองไปด๊ากจึง

การเดินทางไปดากจึง(ดั๊กจึง ดักจึง) การเดินทางมาเมืองด๊ากจึงวันนี้ยังคงยากไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ด้วยเมืองนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าท่องเที่ยวรวมทั้ง ชาวชนเผ่าเตรียง ที่บ้านน้ำซวงเมืองด๊ากจึง ทำให้ผมดั้งด้นเดินทางไปจนสำเร็จ สำหรับการเดินทางไปเมืองด๊ากจึง หากเริ่มจากไทยก็ต้องออกที่ด่านอุบลที่ช่องแมก แล้วนั่งรถมาปากเซ จากปากเซนั่งรถมาลงที่เซกอง ซึ่งมาเช้าถึงบ่ายๆครับ จากนั้นก็ไปรอรถที่ท่าบั๊คหรือท่าเรือข้ามฝากแม่น้ำเซกองเพื่อไปเมืองดากจึง ที่อยู่หางจกตรงนี้ไปประมาณ 100 กิโลเมตร ส่วนท่าบัคห่างจากท่ารถสัก 3 กิโลเมตรค่ารถจัมโบ้หรือสามล้อคนละ 60 บาท แนะนำว่าพักที่เซกองสักหนึ่งคืนจะได้ไม่เหนื่อยไปเพราะการเดินทางไปต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง หากเป็นหน้าฝนไม่ควรมาเลยเสียงอันตรายตกเขา และอาจต้องนอนกลางป่าอาจใช้เวลาหลายวันไปถึง ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่กำลังก่อสร้างเป็นเส้นทางจากเซกองไปถึงดานังเวียดนามจะเสร็จปี 2016 ครับ ทางเลยมาค่อยดีมีการเปิดให้ไปบางช่วงเวลา จะมีรถที่ประจำทางแต่ไม่ได้จดทะเบียนเสียภาษีดังนั้นจึงไม่มีหลังคาและไม่ออกตรงเวลา คือจะออกเวลาไหนก็ได้ ต้องไปดักรอที่ท่าบั๊กเอง ส่วนใหญ่จะมีช่วงตั้งแต่ 7-9 โมงเช้า ให้ไปรอได้เลยมีทุกวัน รถประจำทางแบบรถหกล้อใหญ่ๆ คนจะหลายคนหน่อยเบียดเสียดกันบ้างครั้งและต้องเตรียมที่ปิดจมูกไปด้วยจะได้ไม่กินฝุ่นตลอดทางเราเตือนท่านแล้วนะ อีกทางเลือกหากโชคดีก็จะมีรถของบริษัทที่เขาไปทำงานที่เมืองด๊ากจึง ก็ขออาศัยเขาไปด้วยโดยช่วยค่าน้ำมันเขาประมาณ 240-300 บาท หากเป็นรถของโคลงการแคร์ซึ่งรถจะดีมิดชิดกันฝุ่นได้ จะได้ฟังเพลงไปตลอดทางเพราะพี่เขาชอบฟังเพลง ไปถึงที่ด๊ากจึงแล้วก็ไปที่พักเป็นบ้านชาวบ้านธรรมดาห้องน้ำรวมกันด้านล่าง หนาวมากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ อย่างผมไปเนี่ยอาบครั้งเดียว ที่พักอยู่กลางหมู่บ้านใครๆก็รู้จักคืนละ 200 บาท ผ้านวมอย่างหนาเพราะหนาว มีห้องสามสี่ห้อง หากเต็มก็นอนกลางบ้านแบบผมซึ่งรับได้อีก 4-5 คน หากเต็มก็ไปนอนบ้านอื่นมั้ง แถวนี้เขาชาวบ้านคุยกันได้หมดครับ ตามระเบียบที่ตำรวจแจ้งผมตอนไปเที่ยว…

Read More



ชาวเผ่าเตรียงที่เมืองด๊ากจึง

ชาวเผ่าเตรียงที่เมืองด๊ากจึง(ดากจึง,ดั๊กจึง)“ชาวเผ่าเตรียง” อ่านว่า “ตะ เรียง” ไม่ใช่ชาวเผ่ากะเหรียงทั้งภาษาพูดก็ต่างกัน ชาวเตรียงใช้ภาษาด๊ากกังในการการพูดเท่าที่ผมลองฟังดูผมว่ามีภาษาที่คล้ายๆไทยอยู่หลายคำ แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไรกันชาวเผ่าเตรียงมีอยู่มากที่แขวงเซกองประเทศลาว โดยเฉพาะที่เมืองด๊ากจึงเป็นชาวเตรียงเกือบทั้งหมด(แต่ยังมีเผ่าอื่นๆอีกสามเผ่า) ผมได้มาเที่ยวที่เมืองด๊ากจึงแบบโชคดี ได้ข้อมูลจากคนลาวบอกว่าเมืองนี้ไปยากมาก อาจต้องนอนกลางป่าหลายคืนกว่าจะเข้าถึงได้ ทำให้ผมอยากมามากในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงได้สำเร็จ หมู่บ้านที่เจ้าหน้าที่ของห้องการโฆษณาและวัฒนธรรมของลาวได้พาผมมาคือบ้านด๊ากซวง เมืองด๊ากจึง อยู่ห่างจากเมืองด๊ากจึงประมาณ 4 กิโลเมตร ขี่มอเตอร์ไซค์ประมาณ 40 นาที ทางเป็นทางลำบากนิดหน่อยข้ามน้ำสี่ห้าลำห้วย แต่ก็มาถึงได้ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ธรรมดาไม่ใช่รถวิบาก บ้านด๊ากซวงมีอยู่ประมาณ 30 หลังคาเรือน มีคนน่าจะหลายร้อยคน ข้างๆหมู่บ้านมีน้ำธรรมชาติเป็นแหล่งน้ำสำคัญใช้บริโภค กิน อาบ ซักผ้า ทำอาหาร เลี้ยงสัตว์ เขามีอาชีพทำไร่ปลูกมันพอมีพอกินพอเพียงไปแต่ละวัน ใช้ชีวิตเรียบง่ายตำข้าวกินเอง ได้สารอาหารจากข้าวครบอายุยืน มีคนที่นี่บอกผมว่าอายุ 150 ปี ผมไม่ค่อยแน่ใจนะเพราะว่าเขาไม่มีการจดว่าเกิดปีไหนแค่ประมาณเอาครับ ข้าวที่เขากินเขาก็จะปลูกเองเป็นข้าวเม็ดกลมๆแบบข้าวดอยข้าวญี่ปุ่น ทุกคนทุกบ้านจะต้องตำข้าวกินกันเองตำแล้วนำไปฝัดแยกเปลือกแล้วก็ไปตำอีกจนหมดเปลือก แล้วจึงนำมาหุงเป็นข้าวที่อุดมด้วยสารอาหารที่นี่ไม่มีเครื่องสีข้าวแบบบ้านเราครับ เรื่องอาหารหลักคือผักต้มใส่เกลือและพริกลงไป ในหนึ่งอาทิตย์จะได้กินเนื้อสัตว์หนึ่งครั้งก็พวกไก่หมูที่เลี้ยงไว้ ส่วนรายได้เขาไม่มีครับเสื้อผ้าที่เขาใส่ได้มาจากการเอาผักไปขายในตลาดได้เงินมาก็ซื้อเสื้อผ้าใส่อย่างอื่นไม่ห่วงเพราะหาจากป่าหรือปลูกได้แต่ผ้านี่จำเป็นมากของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่คนที่พาผมไปเล่าให้ฟังเขาก็เป็นชาวเตรียงเหมือนกัน ชาวเตรียงกินข้าววันละสองมือเท่านั้นคือสายและบ่าย กินเยอะเปลืองและของกินหายากจึงต้องกินน้อยๆ ดูจากที่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ค่อยมีผ้าใส่กันเด็กๆนี่ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าโตหน่อยถึงได้ใส่ เผ่าเตรียงที่ผมไปนี้ไม่เคยมีนักท่องเที่ยวมาถึง เคยมีเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่นมาทำวิจัย 1 ครั้งมากัน 6 คน เป็นคนที่พาผมไปเล่าให้ฟัง บ้านของชาวเตรียงเป็นไม้ทั้งหลังมุงหลังคาด้วยหญ้า คล้ายๆกับบ้านชาวเขาที่เมืองคอนตูม คือบ้านจะหลังคาสูง…

Read More



เมืองด๊ากจึง เซกอง

เมืองดากจึง(ดากจึง,ดั๊กจึง,ด๊ากจึง) เมืองด๊ากจึงเมืองชายแดนเวียดนาม อยู่ที่แขวงเซกอง แขวงเซกองหรืออีกชื่อคือเมืองละมาน เมืองด๊ากจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งซึ่งจะเป็นเมืองเอกของเซกองในอนาคต เมืองด๊ากจึงมีข้อมูลในเน็ตน้อยมาก แค่ชื่อก็ยังสับสนเสียแล้วว่าจะชื่ออะไรกันแน่ ระหว่าง ดั๊กจึง ดากจึง ด๊ากจึง ดักจึง ผมก็ไม่รู้จะเรียกคำไหน หลังจากผมหาข้อมูลจากวิกิพีเดียว ที่มีคนพูดถึงภาษาด๊ากกัง ที่เป็นภาษาประจำเผ่าเตรียง ชาวเตรียงที่มีอยู่มากที่แขวงเซกอง โดยเฉพาะเมืองด๊ากจึง ดังนั้นน่าจะใช้คำว่า “ด๊ากจึง” ครับ เพราะว่าคำว่าด๊ากเป็นภาษาเตรียง(อ่านว่าตะ-เหรียง) แปลว่าน้ำ แม่น้ำในเวียดนามหลายสายผมก็เห็นขึ้นต้นด้วยคำนี้ อาจมีที่มาจากเป่าเตรียงก็ได้ เมืองด๊ากจึงอยู่ห่างจากเมืองตะมานแขวงเซกองประมาณ 100 กิโลเมตร (ดูการเดินทางไปเมืองด๊ากจึง) การเดินทางสมัยก่อนต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะเข้าถึงเมืองนี้ได้ แต่ทุกวันนี้ทำถนนใกล้เสร็จแล้ว ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง หน้าฝนไม่จำเป็นอย่าไปเด็ดขาดใช้เวลาเป็นวันหรือไม่ก็ต้องนอนกลางป่า หรืออาจลื่นตกเขาตายก็ได้ เมืองด๊ากจึงได้ถูกวางไว้ให้เป็นเมืองเอกของเซกอง เป็นเส้นทางที่จะไปเวียดนามได้เร็วที่สุด ไปเข้าเวียดนามไปยังดานัง ไม่ต้องขนของทางเรือมาที่ท่าเรือคลองเตยก็ใช้เส้นทางนี้ทะลุผ่านจากอุบลมาเซกอง มาด๊ากจึง เข้าดานังประเทศเวียดนาม ระยะทางจากชายแดนช่องแมกอุบลราชธานีไปถึงเมืองดานังเวียดนามผ่านเส้นทางนี้ระยะทางตรงเพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น ดังนั้นทางประเทศลาวเขาจึงได้มีการสร้างเมืองขึ้นมาที่นี่โดยทางประเทศเวียดนามมาสร้างให้เป็นเขื่อน เป็นแหล่งท่องเที่ยว และจะให้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการไปเมืองดานังที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งครับ และเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมาด่านตรงเมืองด๊ากจึงไปทางชายแดนเวียดนามชื่อว่า “ด่านตะออ” ได้ถูกเปิดเป็นด่านสากลเรียบร้อยแล้ว มี passport ก็สามารถไปเที่ยวเวียดนามเส้นทางนี้ได้เลย สำหรับการท่องเที่ยวที่เมืองด๊ากจึงมีทั้งการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ น้ำตกทั้งที่ค้นพบแล้ว และน้ำตกที่ยังไม่พบผมว่าน่าจะมีอีกเยอะ…

Read More